เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๑ ม.ค. ๒๕๖o

 

เทศน์เช้า วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๐
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

ตั้งใจฟังธรรมะเนาะ วันนี้วันปีใหม่ วันปีใหม่ทุกคนอยากได้พร อยากได้ความประสบความสำเร็จในชีวิต เวลาได้ประสบความสำเร็จในชีวิต เด็กๆมันก็อยากได้ของขวัญที่ดีๆ ถ้าของขวัญที่ดี พอเกิดแล้วนะ ถ้ามันใช้สอยได้ก็ใช้สอย อะไรที่เป็นของขวัญก็เก็บไว้ในตู้เอาไว้โชว์กันไง แต่ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้พรปีใหม่มาตั้งแต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้นะ ๒๐๐๐ กว่าปีมาแล้วน่ะ ให้มีสติให้มีปัญญา

ถ้ามีสติ สติของเรา ถ้าคนเราจะล้มลุกคลุกคลานขนาดไหน ถ้ามีสติแล้วสรรพสิ่งในโลกนี้มันพิจารณาได้ คนเราถ้ามีเหตุการณ์อุกฤษฏ์ขนาดไหนถ้ามีสติ ทุกอย่างมันยับยั้งในหัวใจนะ

ถ้าคนขาดสติเวลามีอะไรสิ่งใดกระทบกระเทือนขึ้นมา ขาดสติแล้วเสียไปทุกข์ยากขนาดไหน แล้วมันลุ่มหลงไปไหลไปเพราะขาดสติ ถ้ามีสติแล้วสิ่งไหนจะเกิดขึ้นมันต้องเกิดอยู่แล้วล่ะมันก็เป็นอย่างนี้ แต่เรามีสติของเรา มีปัญญาของเรา แล้วสติใช้ไม่มีวันจบวันสิ้น แล้วสติยิ่งใช้แล้วยิ่งแวววาว สติยิ่งใช้แล้วยิ่งมีความชำนาญ ยิ่งใช้ยิ่งดีขึ้นไง

ของขวัญเก็บไว้ในตู้ ได้แล้วก็เก็บเอาไว้ให้มันเสียหายไง สติปัญญาของเรายิ่งใช้ยิ่งสอยยิ่งดีขึ้นนะ แล้วถ้ามีสติ มีสติแล้วเวลาฝึกหัดเข้าไปแล้ว ฝึกหัดจนมีสมาธิขึ้นมา ฝึกหัดใช้ปัญญาขึ้นมาปัญญามันแยกมันแยะขึ้นไปเป็นชั้นเป็นตอนเข้าไปนะมันจะเป็นมหาสติคนจะเห็นมหาสติได้มันต้องเป็นอนาคามิมรรค เพราะอะไรเพราะมันต้องผ่านเข้าไปมันถึงจะมหาสติ มหาปัญญา มันถึงจะจับอสุภะได้

สิ่งที่พิจารณากันอยู่นี่มันเป็นการพิจารณากายๆพิจารณากายเป็นกายานุปัสสนาสติปัฏฐาน พิจารณากายพอมันพิจารณาซ้ำซ้อนเข้าไปๆ จากสติมันจะเป็นมหาสติ ถ้าเป็นมหาสติขึ้นไปสติที่มันใช้สอยมากๆ ยิ่งใช้ยิ่งสอย ยิ่งใช้ยิ่งดี ยิ่งใช้ยิ่งประเสริฐ ยิ่งใช้ยิ่งแวววาว ยิ่งใช้ยิ่งเป็นชีวิตประจำวันยิ่งใช้ยิ่งสุดยอดยอดเยี่ยม

แต่ของอื่นใช้แล้วมันหมด เห็นไหม มันหมดไปๆ นะหมดไปเพราะอะไรหมดไปเพราะเราต้องใช้สอยใช่ไหมมันเป็นปัจจัยเครื่องอาศัย ปัจจัยเครื่องอาศัย แต่ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสุดยอดๆ สุดยอดเพราะอะไร เพราะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามารื้อค้น รื้อค้นขึ้นมาในใจขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านะถ้าศาสนธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนไว้แล้ว ปีใหม่ๆ เราอยากได้พรปีใหม่นะ เราก็ฝึกหัดของเราให้มีสติมีปัญญาขึ้นมา

เวลาเข้าพรรษาเขาบอกเขางดเหล้า งดบุหรี่กันน่ะ นั่นเขางดของเขาเพราะอะไร เพราะเขามีศรัทธาความเชื่อของเขา เขาอยากได้บุญกุศลของเขา เขายังงดได้แต่นี่เราไม่ได้งด เราเพียงแต่เราฝึกหัดเราสร้างขึ้นมาให้มันมีความชำนาญของเราขึ้นมาไง ถ้ามีความชำนาญของเราขึ้นมา แล้วชีวิตมันก็ต้องดีขึ้นแน่นอน ชีวิตที่มันไม่ดีขึ้นๆ ก็เพราะเราพลั้งเผลอ เราปล่อยเนื้อปล่อยตัว เราปล่อยไปตามแต่อารมณ์ของเรา เราปล่อยไปหมดเลย

นี่ไง เวลาปีใหม่แล้วขอให้มั่งขอให้มี ขอให้ร่ำขอให้รวย...ให้รวยขึ้นมาเดี๋ยวโจรมันปล้นบ้านน่ะ เอาเงินเอาทองขึ้นมาแล้วเอาภัยเข้ามาในตัวเราด้วยไง แต่ถ้าเรามีสติปัญญา เรามีเงินมีทองไม่ให้ใครรู้เลยเก็บเงียบ ซ่อนไว้เห็นไหม คนมีสติมีปัญญามีอะไรขึ้นมามันก็ไม่อันตราย แต่คนที่ไม่มีสติปัญญาขึ้นมามีอะไรก็เป็นอันตรายไปหมด

ความที่มันจะเป็นความดีของเรานะ มันเป็นสมบัติของเรานะ ทำไมเอาภัยมาใส่ตัวเราล่ะแต่ถ้าเรามีสติมีปัญญาขึ้นมา ทำไมเราต้องไปให้เขารู้ล่ะทำไมเราไม่รู้จักเก็บรักษาล่ะ ของที่มันมีค่า เราก็เก็บรักษาของเราไว้ใช่ไหมของที่จะใช้จะสอยเราก็ใช้สอยของเราใช่ไหม ของที่เราจะเจือจานใครเราก็เจือจานไปด้วยอำนาจวาสนาบารมีของเราเราจะเจือจานใครก็ได้เพราะเรามีสติปัญญาของเรา

การเจือจานของเรา เราเป็นผู้ให้เราเป็นผู้เลือก ถ้าเป็นผู้เลือกเราต้องมีสติมีปัญญา มันต้องมีปัญญาทั้งนั้นน่ะมันถึงทำให้ชีวิตเราราบรื่น ชีวิตราบรื่นแล้วชีวิตมีความสุขความสงบไง นี่พูดถึงว่าใช้ชีวิตแค่ชีวิตประจำวัน ใช้ชีวิตทางโลกนะ

เวลาครูบาอาจารย์ของเราท่านสอนนะ เวลาท่านสอนถึงปัญญาๆ ภาวนามยปัญญา มหาสติ มหาปัญญา มหาปัญญาๆ ฟังสิคำว่า"มหาปัญญา" มันเป็นปัญญาเล็กน้อยแค่ไหน มันเป็นปัญญาที่เราใช้กันอยู่นี่หรือ ถ้ามันเป็นมหาปัญญาขึ้นมาทีนี้ปัญญามันว่องไวมาก เราเคยคิดไหมว่าความคิดเราเร็วไหม ความคิดเรามันรุนแรงไหม แล้วถ้ามันจะมีสติปัญญาเท่ากับความคิดเราน่ะ แล้วถ้าปัญญาที่เท่าทันความคิดเราล่ะ แล้วมหาปัญญามันเท่าทัน มันแยกมันแยะ ดูสิ มันเร็วขนาดไหน

ความคิด ทุกคนบอกความคิดนี้เร็วมากนะ ใจนี้เร็วมากๆ เลย แล้วถ้ามันมีสติปัญญามันเท่าทัน มันเท่าทันมันจะเร็วขนาดไหนปัญญาๆ ของเรา ถ้าเรามีสติ เรายับยั้งในปัจจุบันนี้ ความรู้สึกนึกคิดเราอย่างนี้ เรามีสติปัญญายับยั้งๆ คำว่า "ยับยั้งก่อนนะ" ยับยั้งเพื่ออะไร เพื่อเริ่มต้นกันใหม่ไง ถ้าเราไม่ยับยั้ง กิเลสมันพาคิด กิเลสมันจรมาไงความอยากของเรามันอยากโดยปัจจุบันทันด่วนอยากได้น่ะ พออยากได้อยากดี ด้วยความโลภ ความโลภของเรามันทำให้เราเสียหายนะแต่ใครๆ มันก็ต้องมีความอยากได้เป็นเรื่องธรรมดา

หลวงตาท่านพูดประจำ มันเป็นสิ่งมีชีวิต คนมีชีวิตไม่ใช่คนตาย ถ้าคนมีชีวิตแล้วมันก็ต้องมีความอยากได้อยากดีเป็นเรื่องธรรมดาแต่เรื่องธรรมดา เราก็มีสติไง เรามีสติมีปัญญาของเราแยกแยะมันควรไม่ควรไง

ถ้ามันยังไม่ควร ไม่ถึงเวลาของเรา เราทำของเราไปยังไม่ถึงเวลาของเราถ้ามันถึงเวลานะ พอถึงเวลามันมาเองมันมาเองนะ ทำสิ่งใดก็แล้วแต่มันประสบความสำเร็จทั้งนั้นน่ะ คือที่เขาเรียกว่าอำนาจวาสนา คนที่มีอำนาจวาสนาทำสิ่งใดก็ประสบความสำเร็จเพราะเขามีอำนาจวาสนาของเขา

เราคนที่ไม่มีอำนาจวาสนาก็ทำเหมือนกัน ทำมากกว่าเขาด้วยทำไมมันขาดตกบกพร่องล่ะ ความขาดตกบกพร่องเพราะความที่ไม่มีอำนาจวาสนา คำว่า"ไม่มีอำนาจวาสนา" คือว่าการกระทำของเรา การกระทำของเรานะ ดูสิ ทำไมเขาคิดแบบนั้น ทำไมเราไม่คิดแบบเขา ถ้าเราไม่คิดแบบเขาเพราะเราคิดแบบเขาไม่ได้ เราคิดแบบเขาไม่ได้เพราะเราไม่ยอมคิด ไม่ยอมคิดเพราะอะไรเพราะเรากลัวเสียเปรียบ

แต่ไอ้คนที่เขาได้ๆ เขาคิดอย่างนั้นเขาเสียสละของเขาอย่างนั้น เขามีพรรคมีพวกของเขาอย่างนั้น เขามีคนจุนเจือเขาอย่างนั้น เพราะเขาได้ทำของเขามาอย่างนั้น เพราะเขาคิดอย่างนั้น พอเขาคิดอย่างนั้น นี่ไง เขาทำของเขาอย่างนั้นเขาได้ของเขาอย่างนั้น เขาได้อย่างนั้นนะ ถ้าเขาทำดีของเขาใช่ไหม เขาเรียกคนมีบารมีๆ ไง คนมีบารมีเขาทำสิ่งใดมีทุกคนยกย่องสรรเสริญ ทุกคนเห็นดีเห็นงามไปกับเขา เพราะเขามีบารมีของเขา เพราะเขาทำของเขา เขามีอำนาจวาสนาเพราะเขาได้เสียสละของเขา เขาได้สร้างบารมีของเขา

ไอ้ของเราก็ทำเหมือนกันทั้งนั้นน่ะ ทำเหมือนกันเลยแต่เราไม่เคยเสียสละ ไม่เคยทำสิ่งใดเลย ไม่มีใครเห็นดีด้วยกับเราเลย เราไม่มีเลย มันก็ไม่มีเป็นเรื่องธรรมดาเรื่องธรรมดาๆ แต่ไอ้คนไม่ได้เสียใจเกือบตาย มันไม่ธรรมดาไอ้เรื่องธรรมดานะแต่ไอ้คนที่เขาได้ของเขา เขาเรื่องธรรมดาเพราะเขาทำ เขาทำเพราะอะไร เพราะเขาลงทุนลงแรง เขารู้ว่าเขาทำอะไรของเขา

แต่ไอ้คนที่ไม่ได้ทำๆ แต่มันอยากได้อย่างนั้นน่ะ แล้วมันก็เสียใจเป็นเรื่องธรรมดา แต่มันไม่ธรรมดา ไม่ธรรมดาเพราะอะไร เพราะขาดสติ เพราะไม่มีสติยั้งคิด ไม่มีสติยั้งคิดแล้วพิจารณาว่าทำไมมันเป็นแบบนั้นแล้วเราทำไมมันเป็นแบบนี้ มันเป็นเพราะอะไรๆ เด็กๆ นะประชาธิปไตยไง"อ้าว! สิทธิเท่ากันสิทธิเสมอภาค ต้องเหมือนกัน ได้เท่ากัน"

เท่ากัน เวลาเขาได้ทำไมไม่เท่ากับเขาล่ะ ทำไมเสียใจล่ะ อ้าว! มันก็ต้องเท่ากันสิ นี่เวลาเรียกร้อง เรียกร้องนัก อยากได้อยากดีอยากเป็นนัก แต่เวลาพอมันไม่ได้ขึ้นมา "ประชาธิปไตยต้องสิทธิเสรีภาพ"

ธรรมาธิปไตยมันเป็นธรรม ถ้าเป็นธรรมนะ นี่พูดถึงว่าถ้าให้พร ให้มีสติให้มีปัญญานะ ให้มีขวัญมีกำลังใจ ขวัญกำลังใจของเรานี้สำคัญมาก เสียอะไรเสียได้ แต่อย่าเสียขวัญกำลังใจ ถ้าเสียกำลังใจนะ ดูสิ ดูพระปฏิบัติเรา เวลาประพฤติปฏิบัติไปปฏิบัติปีแล้วปีเล่า ปีแล้วปีเล่า แล้วเมื่อไหร่มันจะได้ เมื่อไหร่มันจะได้ นี่ขวัญกำลังใจมันจะเสีย แต่เวลาครูบาอาจารย์ของเราท่านกระตุ้นตลอดเวลา

อย่างเราปฏิบัติ เวลาเราออกประพฤติปฏิบัตินะเราจะมีคติธรรมในใจของเราอยู่ ๒ เรื่องเรื่องหนึ่ง องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านทุกข์ยากมามากแล้ว องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านทุกข์ยากมามาก ท่านบุกเบิกมามาก เวลาพระโพธิสัตว์ท่านสร้างมา ๔ อสงไขย ๘อสงไขย ๑๖ อสงไขยท่านลำบากลำบนท่านสร้างของท่านมามาก เวลาท่านประพฤติปฏิบัติไปแล้วท่านถึงสำเร็จของท่านไป

แล้วเวลาท่านก็พูดของท่านไว้ ถ้าผู้ใดปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรมสมควรแก่ธรรมนะ มีสติก็ต้องเป็นสติจริงๆ มีสมาธิก็ต้องเป็นสมาธิจริงๆ ถ้ามีปัญญาก็เป็นปัญญาจริงๆ ถ้าผู้ใดปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม สิ่งที่เกิดขึ้นมันเป็นสิ่งที่ชอบธรรมดีงาม สิ่งที่ไม่เบียดเบียนตนและเบียดเบียนผู้อื่น ถ้าผู้ใดปฏิบัติถูกต้อง ๗วัน ๗ เดือน ๗ ปีต้องได้พระอนาคามี

อ้าว! เราก็เร่งใหญ่เลย นี่คติธรรมที่ฝังในใจ เวลามันท้อแท้ก็บอกว่าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ๗ วัน ๗ เดือน๗ ปีต้องได้ ๗ ปีขวนขวาย อดทนพยายามทำให้มันถูกต้องดีงาม มันจะผิดพลาด มันจะออกนอกลู่นอกทาง ออกนอกลู่นอกทางด้วยความคิดนะ ไม่ใช่ออกนอกลู่นอกทางโดยที่เรากระทำหรอก

กิเลสมันร้ายนัก มันชักมันชวนมันปลิ้นมันปล้อนมันหลอกมันลวง ไอ้นู่นดีกว่าไอ้นี่ ไอ้นี่ดีกว่าไอ้นั่น ไอ้นั่นยอดเยี่ยมกว่าไอ้นี่ มันจะดึงไปเรื่อยๆ มันจะชวนไป มันจะชวนไปไม่ไปกับมัน ไม่ไปกับมัน ยึดมั่น ยึดมั่นหลวงปู่มั่น

เราฝังใจมาตลอดว่า ถ้ายึดมั่นหลวงปู่มั่น เพราะหลวงปู่มั่น เวลาประพฤติปฏิบัติใหม่ๆ เวลามันเรรวนนะ เราก็ไปวัดป่าสุทธาวาส ไปดูพระธาตุของหลวงปู่มั่น นี่พระอรหันต์ ไปดูที่พระธาตุนั้นปลุกปลอบขวัญ ปลุกปลอบกำลังใจไงขวัญและกำลังใจทุกอย่างถ้ามันมีขวัญและมีกำลังใจทำสิ่งใดมันก็ทำด้วยความมั่นคง ไม่ลอกแลก ไม่ออกนอกลู่นอกทาง นี่พระอรหันต์

แล้วเวลาประพฤติปฏิบัติไปเวลาหลวงตาท่านพูดถึงมีผู้ที่ศรัทธาในกรรมฐานนะ ไปหาหลวงตา ไปทำบุญกับหลวงตา บอกว่าศรัทธามาก พระกรรมฐานสายหลวงปู่มั่นนี่ศรัทธามาก

หลวงตาท่านบอกว่า เราเชื่อว่าในบรรดาลูกศิษย์กรรมฐานของสายหลวงปู่มั่นมีทั้งดีและชั่ว มีทั้งดีและเลว ดีก็มี เลวก็มี ในสังคมทุกสังคมมีคนดีและคนเลว ไม่ใช่ว่าเราจะหัวปักหัวปำว่าของเราจะดีไปหมดไม่ใช่หรอก แต่เฉพาะตัวหลวงปู่มั่นเฉพาะตัวหลวงปู่มั่นเพราะตัวของท่านท่านทำคุณงามความดีของท่าน แต่ผู้ที่สืบทอดมาๆ เลวทรามก็เยอะ แต่ดีก็เยอะ เราเลือกเอา นี่ไง ถึงบอกให้มีสติมีปัญญาไง ที่ย้ำๆ นี่ให้มีสติปัญญา ต้องมีสตินะ

เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนอนุปุพพิกถา ให้ผู้ที่เป็นปุถุชนทั่วไปให้รู้จักเสียสละทาน ให้รู้จักทำทาน การทำทานมีพรรคมีพวกนะ การทำทาน การเสียสละเพื่อประโยชน์ เราจะมีพรรคมีพวก เราจะมีบารมีธรรมขึ้นมาถ้ามีสติมีปัญญามันพอใจที่จะทำนะ ถ้ามันไม่มีสติปัญญาโอ๋ย! หามาเกือบตาย ให้ทำไม ของฉัน จะให้ แต่ไปซ่อนไว้ก่อน ในพระไตรปิฎกมีเยอะ ไอ้พวกเศรษฐีขี้เหนียวน่ะ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไปทรมานทั้งนั้นน่ะ

นี่พูดถึงสิ่งที่อนุปุพพิกถา เวลาพระพุทธเจ้าสอนสอนอย่างนั้นก่อนสอนให้รู้จักเสียสละทาน แล้วพอมีทานแล้ว เวลาจิตใจเขาสมควรแก่การงานแล้ว องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถึงเทศน์เรื่องอริยสัจนะอริยสัจ ทุกข์ สมุทัยนิโรธ มรรค

เวลาเราบอกเราก็อยากได้ทรัพย์สมบัติ อยากได้ทรัพย์ดีๆ อยากได้ทรัพย์ที่เป็นความจริง ถ้าอยากได้ทรัพย์ที่เป็นความจริง ดูสิ เวลาราหุลน่ะ นางพิมพาให้ไปขอสมบัติๆ ถ้าขอสมบัติก็อยากจะได้เป็นกษัตริย์

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพิจารณาเลย ถ้าสมบัติอย่างนี้สมบัติในการครองประเทศก็เลยให้บวชเสีย ให้บวชเป็นเณรนู่นน่ะบอกอยากให้สมบัติแท้ไง อยากให้สมบัติแท้พระราหุลให้พระราหุลบวชเณรเสีย อยากให้อริยทรัพย์ อยากให้สมบัติภายใน อยากให้มีสติ อยากให้มีปัญญา อยากให้พ้นจากทุกข์ ไม่ต้องแบกทุกข์อยู่นั่น

พระเจ้าสุทโธทนะเห็นนะ โอ้โฮ! เจ็บช้ำน้ำใจมากเสียนะ เสียเจ้าชายสิทธัตถะไป อยากให้เป็นจักรพรรดิ ก็หนีไปบวชเสีย หวังว่าสามเณรราหุลจะได้เป็นกษัตริย์ต่อไปก็เอาไปบวชอีก ถึงได้มาขอพรไงว่าต่อไปนี้ถ้าใครจะบวชต้องขออนุญาตพ่อแม่ก่อน

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถึงตั้งเป็นวินัยมาว่า ผู้ที่จะบวชต้องขออนุญาต ขอพ่อขอแม่ก่อนเพื่อไม่ให้พ่อแม่เจ็บช้ำน้ำใจจนเกินไป

แต่เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมขึ้นมาแล้ว เอาสามเณรราหุลแล้วแล้วไปเทศนาว่าการจนได้พระเจ้าสุทโธทนะเป็นพระอรหันต์ที่พระเจ้าสุทโธทนะเป็นพระอรหันต์ขึ้นมา บุญกุศลอันนั้นน่ะบุญกุศลที่ท่านได้เป็นพระอรหันต์น่ะ นี่ไง ของขวัญๆ สติสมาธินี่ของขวัญๆเป็นประโยชน์ ได้ถึงเป็นพระอรหันต์ ไปโปรดพระมารดาก็ได้เป็นพระโสดาบัน เป็นพระอรหันต์ขึ้นมาทั้งหมด เวลาทำขึ้นมา ทรัพย์สมบัติอันนี้ไง

ขอให้เรามีสติมีปัญญา ถ้าทรัพย์ทางโลกเราก็แสวงหา คนเราเกิดมานะ เวลาคนเกิดมามันต้องมีปัจจัยเครื่องอาศัย ชีวิตนี้มันต้องอาศัยปัจจัยต้องดำรงชีพ เราก็แสวงหาของเรา แต่เราแสวงหาด้วยสติด้วยปัญญาไง อะไรที่มันผิดชอบชั่วดี เราพิจารณาของเราแก้ไขของเรา

ถ้ามีความจำเป็น จำเป็นก็เฉพาะตรงนั้น ถ้าจำเป็นผ่านไปแล้วก็วาง ไม่ใช่มันจะจำเป็นตลอดไป ถ้าจำเป็น จำเป็นก็คือจำเป็น จำเป็นแล้วมันก็ต้องผ่านตรงนั้นไป ถ้ามันรักษาสิ่งนี้ได้ รักษาของเรา นี่รักษาสมบัติทางโลกนะ รักษาสมบัติรักษาแค่ชีวิตนะ

ฉะนั้น เวลาครูบาอาจารย์ เราซึ้งหลวงปู่มั่น ซึ้งหลวงตาเพราะอะไร เพราะท่านปฏิบัติจริง คำว่า "ปฏิบัติจริง" นะเวลาจะต่อสู้กับกิเลสในหัวใจ มันล่อมันหลอก มันพลิกมันแพลง มันปลิ้นมันปล้อน แล้วเราต้องสู้มัน ทันมัน ต้องอดนอนผ่อนอาหาร มันเป็นเรื่องจริงจัง เรื่องทำให้ได้จริงขึ้นมาทำได้จริง เห็นไหม

ฉะนั้น เราบอกว่า "ปัจจัยเครื่องอาศัย เราก็ทุกข์เราก็ยากอยู่แล้ว พระก็พูดได้ทั้งนั้นน่ะ เพราะไม่เคยทำอะไรเลย ไม่ทำอะไรเลย"

เรารักษาข้อวัตร บิณฑบาตมา ๘กิโลเมตร จริงๆ เราบิณฑบาตกลับมาแล้วเราฉันเฉพาะบาตรของเรา เราไม่ต้องมายุ่งกับโยมสบายมาก สิทธิของเรา เราได้ทำแล้ว แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าฝากวินัยไว้กับบริษัท๔ ภิกษุ ภิกษุณีอุบาสก อุบาสิกา เราต้องอยู่ร่วมกัน เราแยกจากกันไม่ได้พระพุทธเจ้าฝากศาสนาไว้กับเราฝากศาสนาไว้กับเราแล้วเราพยายามของเราไง ทำของเราๆให้มันเป็นความจริงของเราขึ้นมา

หัวใจนี้พยายามขวนขวายมันมีค่าไง มันมีค่ามาก เราไม่ใช่มีค่าหนึ่ง "โอ๋ย! โยมมาเยอะแยะเลย หนูดีมากอย่างนู้น"...ไม่ใช่

โยมมาแล้วในหัวใจของโยมทุกข์ยากหรือเปล่ามาแล้วในใจมันมาเพื่ออะไร หัวใจดวงนั้นน่ะ หัวใจดวงนั้นน่ะ หัวใจดวงที่มันรับอยู่นั่นน่ะ ศาสนาสอนลงที่นี่ไง ถ้าสอนลงที่นี่ ครูบาอาจารย์ที่ท่านเป็นธรรมๆ นะท่านเห็นน้ำใจของคน เห็นน้ำใจของคนนี่ไง มันจะเข้าเรื่องอริยทรัพย์ เราบอกทรัพย์ภายนอกก็เป็นเรื่องหนึ่งนะ อริยทรัพย์มันจะเกิดขึ้นน่ะ กุปปธรรม อกุปปธรรม

กุปปธรรมสพฺเพ ธมฺมา อนตฺตามันเป็นความจริง ข้อเท็จจริงแน่นอนอยู่แล้ว แล้วอกุปปธรรมล่ะ ธรรมะที่คงที่ตายตัวที่มันพ้นจากความเป็นอนัตตาพ้นจากความแปรปรวนที่มันเป็นความจริงน่ะ เห็นไหม ทรัพย์สมบัติอันนั้นน่ะ สมบัติอันนั้นมันหาที่ไหนไม่ได้แล้วสิ่งที่จะสัมผัสได้รู้จักมันได้ก็คือความรู้สึกเท่านั้น คือหัวใจเท่านั้น หัวใจเท่านั้นที่จะสัมผัสอันนี้ได้แล้วหัวใจมันอยู่ที่ไหนล่ะ

หัวใจมันอยู่กลางหัวอกเรานี่ไง ที่มองไม่เห็นเลย เห็นแต่โลกธรรม ๘ มีลาภเสื่อมลาภ มียศเสื่อมยศ เห็นแต่ธรรมะประจำโลกโลกธรรม ๘ คือธรรมะเก่าแก่ จะมีพระพุทธศาสนา ไม่มีพระพุทธศาสนา มันก็เป็นของมันอยู่อย่างนี้มาแต่ไหนแต่ไร แล้วมันก็จะเป็นอีกตลอดไป แต่อริยสัจมันลึกซึ้งกว่านั้นไง

สิ่งนี้มันเป็นสมบัติประจำโลกไงแต่ถ้าจิตเรา เราฝึกหัดของเราทำบุญกุศลแล้วศึกษาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าศึกษาแล้วหัดประพฤติปฏิบัติ ถ้ามีสตินะ ค่อยๆ ยั้งคิดไปเรื่อยๆ มันจะเห็นไปเรื่อยๆ อ๋อ! อ๋อ! เลยนะ เออว่ะ! ข้างนอกไม่จำเป็นเลยเนาะ นี่เวลาจิตสงบนะ

เราฟังข่าวแล้วเศร้า พวกเศรษฐีเวลาเขาทำของเขา เวลาเขาป่วยไข้ขึ้นมา เขาไปนอนมองไฟผ่าตัดเขามองแล้วเขาเสียใจ เขาบอกว่าเขาผิดพลาดมาแล้วผิดพลาดเพราะพยายามแสวงหาปัจจัยภายนอก แล้วความสุขในครอบครัวเราล่ะความสุขระหว่างหัวใจ ภรรยา ลูกล่ะเราขวนขวายแต่เรื่องข้างนอกสุดท้ายเวลามันเจ็บไข้ได้ป่วยขึ้นมาไปมองไอ้ไฟเพดานน่ะไปมองตรงนั้นแล้วก็คิดได้ แต่คิดได้ตอนนั้นก็แค่คิดได้ไง

นี่พูดถึงนะเวลาถ้ามันขาดสติพยายามขวนขวายเยอะมาก วัยทำงานนี่ ต้องทำงานๆ เราต้องมั่นคงในชีวิตพอวัยนี้ผ่านไปนะ ถ้ามันประสบความสำเร็จมันก็พอมีความสุข แต่ถ้ามันมีอะไรขาดตกบกพร่องนะ เวลาเราผ่านไปแล้วเราจะไปแก้ไขอย่างไร เพราะมันฝังใจกันไปไงฝังใจกันไป

สุดท้ายแล้วเราต้องบอกว่าขออภัยต่อกันเนาะวันปีใหม่มีสิ่งใดที่บาดหมางน้ำใจต่อกัน ให้ขออภัยต่อกันสิ่งที่ขอ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร เราไม่จองเวรจองกรรมต่อใคร เราก็ไม่จองเวรจองกรรมต่อใคร

แต่สำหรับเรานะ ความดีที่ยิ่งกว่านี้ยังมีอยู่ไง ความดีของโยมมาวัดมาวาเป็นความดีทั้งนั้นน่ะแต่ความดีที่ดียิ่งไปกว่านั้น เห็นไหมกติกา วินัย สิ่งข้อบังคับ มันมีของมันนะ แล้วถ้าทำได้มันจะพัฒนาขึ้นไปๆความดีที่ดียิ่งไปกว่านี้ไง

นี่โยมบอกว่า"มาวัดก็ดีแล้ว หลวงพ่อต้องเอาใจสิ โอ๋เสียหน่อยหนึ่ง"

แต่ความดีที่ดียิ่งกว่านี้ล่ะ ดีที่มันดีแท้ล่ะ ดีที่มันดีอยู่ภายในล่ะ

ถ้าใจมันศึกษา มันพัฒนาขึ้นไปนะ โอ้โฮ! ร้องโอ้โฮๆ เลยนะ ร้องโอ้โฮๆ เลย แต่กว่าคนจะรู้ไง เพราะธรรมดาของกิเลสมันเป็นแบบนี้ ถ้ากิเลสเป็นแบบนี้มันเป็นผลของวัฏฏะ มันเป็นผลของหัวใจเพราะมันจะมีเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะอยู่อย่างนี้ มันจะเป็นของมันไป

ให้พร ถ้าพรปีใหม่ ขอให้มีสติขอให้มีปัญญา แล้วหมั่นฝึกหัดนะ อย่าไปเก็บ ลับมันให้แวววาว ลับมัน สติปัญญาของเราลับมันบ่อยๆ เก็บไว้แล้วมันจะเกิดขี้สนิมแล้วจะใช้ไม่ได้ สติปัญญาฝึกหัดมัน ใช้บ่อยๆมันจะแวววาว มันจะเป็นประโยชน์กับเราเป็นประโยชน์กับชีวิตไง นี่ให้พรปีใหม่เนาะ เอวัง